บทความ เหตุผลที่ผีควรแยกทางป็อกบา 23 ก.พ. 2020 [by el loco]

ปอล ป็อกบา ย้ายกลับมา แมนฯยู เมื่อปี 2016 แต่ด้วยหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น ทำให้หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของโลกอย่างเขากลับไม่ประสบความสำเร็จกับทีมเท่าที่ควร จนอาจได้เวลาแยกทางกันอีกครั้ง
__________________________

หลังจากสอดแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" ในยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่สำเร็จ ป็อกบา เลยตัดสินใจย้ายไป ยูเวนตุส ในปี 2012

ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลที่นั่น ป็อกบา สถาปนาตัวเองเป็นมิดฟิลด์แถวหน้าของโลก ด้วยการทำ 34 ประตูกับ 40 แอสซิสต์จาก 178 เกม

ป็อกบา เป็นคีย์แมนพา "เบียงโคเนรี่" คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ 4 สมัยซ้อน พ่วงด้วยโคปปา อิตาเลีย และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า อีกรายการละ 2 สมัย ทั้งยังพาทีมเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีเมื่อปี 2015 แถมยังได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2014

ด้วยคุณภาพระดับนี้ มันทำให้ "ปีศาจแดง" ยอมทุ่มเงิน 89 ล้านปอนด์ (เพิ่มเป็น 94.5 ล้านปอนด์แล้วหลังทำตามเงื่อนไขโบนัสได้หมด) ดึง ป็อกบา กลับมาในปี 2016 แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ เขาพาต้นสังกัดได้แค่แชมป์คาราบาว คัพ กับ ยูโรป้า ลีก อย่างละสมัยเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่า 4 ปีที่แมนเชสเตอร์แตกต่างจาก 4 ปีที่ตูรินเป็นอย่างมาก ทั้งที่ผลงานส่วนตัวของ ป็อกบา ก็ยังอยู่ในระดับมาตรฐานของตัวเอง เมื่อทำไป 31 ประตูกับ 31 แอสซิสต์จาก 150 เกมทุกรายการ

บางทีซัมเมอร์นี้อาจเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต้องแยกทางกันเดิน ในเมื่อ "ปีศาจแดง" กำลังสร้างทีมใหม่ขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาล่าถ้วยรางวัลได้ ขณะที่ ป็อกบา ในวัยย่างเข้า 27 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่นักเตะมีระดับอย่างเขาต้องได้ออกล่าความสำเร็จอย่างจริงจังแล้ว

และนี่คือ 4 เหตุผลที่ แมนฯยู ควรบอกลา ป็อกบา

1. เคมีไม่เข้ากัน

ป็อกบา กลายเป็นนักเตะที่สร้างความแตกแยกทางความเห็นในหมู่ "เร้ด อาร์มี่" มากที่สุด ซึ่งคุณสามารถวิจารณ์เรื่องผลงานหรือความทุ่มเทได้ แต่คุณไม่อาจดูหมิ่นศักยภาพที่แท้จริงของเขาเป็นอันขาด

เพราะอย่างที่เห็นคือเขาเก่งจริง แต่มีหลายปัจจัยทั้งที่เกิดจากตัวเขาเองและสิ่งอื่นที่ทำให้เขาไม่อาจฉายแสงที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ดได้ ทั้งที่ผลงานส่วนตัวเขาก็ยังอยู่ในมาตรฐานเดิมกับเมื่อครั้งเล่นให้ "ม้าลาย"

ป็อกบา ได้รับการประเมินคุณภาพในการเล่นพรีเมียร์ลีกจาก WhoScore ตลอด 3 ซีซั่นที่ผ่านมาด้วยคะแนน 7.72, 7.48 และ 7.31 ตามลำดับ โดยเฉพาะฤดูกาลล่าสุด เขาเป็นคนเดียวในทีมที่ได้เรตติ้งเกิน 7 โดยคว้าแมน ออฟ เดอะแมทช์ไป 7 เกม ไม่แปลกที่เพื่อนนักเตะด้วยกันโหวตให้เขาติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ทั้งที่ แมนฯยู จบอันดับ 6

ขณะที่กับทีมชาติฝรั่งเศส ป็อกบา ก็พาทีมผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 โดยที่เขาถือเป็นคีย์แมนระดับบิ๊กโฟร์ร่วมกับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ ราฟาเอล วาราน ที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ

แม้มีผลงานระดับนี้ แต่ ป็อกบา ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอล "ปีศาจแดง" บางส่วน ทั้งคนที่มองว่าเขาเล่นไม่คุ้มค่าตัว รวมถึงการตั้งคำถามในเรื่องทัศนคติที่ทำให้ดูเหมือนว่าเขาไม่ทุ่มเทเพื่อทีมมากพอ

ยิ่ง ป็อกบา โดนโจมตีมากเท่าไหร่ เอเยนต์ของเขาอย่าง มิโน่ ไรโอล่า ก็ออกมาสวนกลับแฟนบอลและวิจารณ์ "ปีศาจแดง" คืนมากเท่านั้น ในเมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นนี้ก็เลยทำให้ทั้งสองฝ่ายไปต่อด้วยกันยาก

2. ค่าเหนื่อยสูงเกิน

ป็อกบา เป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงเป็นลำดับสามของ "ปีศาจแดง" เป็นรองแค่ ดาบิด เด เคอา และ อเล็กซิส ซานเชส โดยรับอยู่ที่ 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ปัญหาคือมันเป็นตัวเลขที่ทิ้งห่างเพื่อนมิดฟิลด์คนอื่นมากไป ต่อให้เขาเป็นนักเตะที่เข้าขั้นซูเปอร์สตาร์ก็ตาม

บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ คือเหล่ากองกลางที่ถูกวางให้เป็นแกนหลักระยะยาวของ "ปีศาจแดง" แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือทั้ง 3 คนได้รับค่าเหนื่อยรวมกันน้อยกว่า ป็อกบา คนเดียวเสียอีก

3. สัญญาใกล้หมด

ตอนนี้ ป็อกบา เหลือสัญญาแค่ถึงปี 2021 แม้ "ปีศาจแดง" มีอ็อปชั่นในการขยายเพิ่มได้อีก 1 ปี แต่อนาคตของเขาต้องมีความชัดเจนในซัมเมอร์นี้ เพราะหากปล่อยไว้ มูลค่าในการย้ายทีมของเขาย่อมลดลง รวมถึงความสุ่มเสี่ยงในการเสียฟรี หากเขาเลือกอยู่จนครบสัญญา

4. ขายทำเงินได้

นอกจากความสามารถในสนามแล้ว ป็อกบา ยังเป็นแข้งบิ๊กเนมที่เรียกความสนใจได้เสมอ จึงง่ายต่อการที่สโมสรจะนำไปทำการตลาด ด้วยเหตุนี้เงินที่ได้จากการขายเขาย่อมมากพอให้ "ปีศาจแดง" นำไปเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นมิดฟิลด์ชั้นดี 2 คนเพื่อมาแทนเขาได้อย่างสบาย

เมื่อพิจารณาจากการที่มี บรูโน่, เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ เป็นแกนหลักอยู่แล้ว บางทีการได้ ดีแคลน ไรซ์ หรือ รูเบน เนเวส มาเป็นทายาทกลางรับ เนมานย่า มาติช สักคน บวกกับดึง แจ็ค กรีลิช มาเพิ่มอ็อปชั่นเกมรุก คงทำให้แผงมิดฟิลด์ของ แมนฯยู ยกระดับขึ้นมาก
__________________________

สรุปแล้วการปล่อย ป็อกบา ย้ายทีมในซัมเมอร์นี้คงเป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย ทั้งตัวนักเตะเองที่จะได้หาความท้าทายใหม่ด้วยการไปล่าความสำเร็จกับทีมชั้นนำอื่น รวมถึง ไรโอล่า ที่จะได้ส่วนแบ่งจากดีล ขณะที่ แมนฯยู ก็ได้โอกาสจัดระเบียบโครงสร้างค่าเหนื่อยอีกหน่อย แถมยังได้เงินก้อนโตมาเปลี่ยนเป็นมิดฟิลด์ชั้นดีได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 คน